[Trans] สัมภาษณ์ เพิร์ธ ธนพนธ์ ที่จะได้รู้จักและตกหลุมรัก #เพิร์ธธนพนธ์ ให้มากขึ้นกว่าเคย #ThailandComingXPerth #PerthTanapon #KDPPE
January 5, 2022 at 4:39 pm
--><--
[Eng Trans] cr. PPETaiwanFC
Part 1 :
MC : สวัสดีครับ ขอให้แนะนำตัวคร่าว ๆ ก่อนนะครับ กับแฟนคลับชาวจีนก่อน
Perth : สวัสดีครับ ผมชื่อ เพิร์ธ ธนพนธ์ 大家好 ต้าเจียห่าว 我是 หว่อชื่อ หวังจวิ้นหย่ง
MC : หวังจวิ้นหย่ง ชื่อนี้ใครตั้งให้นะครับ
Perth : เหมือนตอนนั้นผมกำลังจะไปจีนช่วงที่เริ่มจะไปแฟนมีตจีนก็จะมีเป็นทีมงานชาวจีนครับก็มาตั้งให้โดยที่ดึงแซ่จากที่ไทยเราไป เพราะที่ไทยผมก็จะเป็นแซ่เฮ้งเขาก็จะเอาไปรวมกันอะไรแบบนี้
MC : ผมไปเสิร์ชดูใน Baidu ซึ่งเป็นเสิร์ชเอนจินของประเทศจีนก็คล้าย ๆ กับ google ของประเทศไทย ไปเสิร์ชมาดูตอนนี้ใน Baidu pedia ที่คล้าย ๆ กับ วิกิพีเดีย คนที่มีชื่อเสียงชื่อหวังจวิ้นหย่งทั้งหมดประมาณ 8 คน ก็คือชื่อเหมือนกันชื่อภาษาจีนเหมือนกันกับน้องเพิร์ธนะครับผม แต่ว่าอีก 7 คนเนี่ยเขาไม่ใช่อยู่ในวงการบันเทิง น้องเพิร์ธเนี่ยเป็นคนเดียวที่เป็นคนต่างชาติแล้วก็เป็นคนอยู่ในวงการบันเทิง
MC : เคยคิดไหมว่าถ้าเราไม่ได้ทำงานด้านนี้เราอยากเป็น หมอ ตำรวจ หรือว่าการเมืองอะไรอย่างนี้เคยมีความคิดไหมครับ
Perth : ผมตอนเด็ก ๆ อยากเป็นมือกีต้าร์ด้วยครับ จริง ๆ สมมติถ้าตอนนั้นไม่ได้ไปเที่ยวที่เกาหลี ตอนเด็ก ๆ กะเข้าเป็นนักบินอากาศ
MC : น่าสนใจเนาะ ถ้ามีโอกาสเนี่ยไปฝึกที่สโมสรอะไรอย่างนี้เขาน่าจะมีเปิดอยู่
MC : แล้วตั้งแรกเริ่มต้นเราเข้าวงการเราถ่ายละครชื่อว่า Please ใช่ไหมครับ กำกับโดยพี่นิว แล้วก็ช่วงแรก ๆ ทำไมถึงอยากเข้าวงการเป็นโอกาสยังไงที่เรามาทำงานด้านนี้
Perth : จริง ๆ ผมไม่ได้มีความคิดเลยว่าผมอยากเข้าวงการอะไร จริง ๆ ไม่ชอบด้วยส่วนตัวลึก ๆ สมัยก่อนไม่เคยชอบเลยฮะ แต่ด้วยว่าตอนนั้นเราว่างด้วยครับ ยังเป็นเด็กมัธยมยังไม่ได้ทำงานยังไม่ได้อะไรก็ว่าง ก็เลยอยากหาอะไรใหม่ ๆ ให้กับชีวิตตัวเองอะไรแบบนี้ครับ ก็เลยลองไปเล่นดูพอเล่นไปเล่นดีก็เลยชอบดีครับ
MC : ที่บ้านเขาก็ไม่ได้พูดกับเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหมครับ อย่างเช่น ตอนนั้นยังเด็กอยู่แล้วเข้าวงการพ่อแม่เขามีว่าอะไรไหมครับ
Perth : จริง ๆ ด้วยพ่อแม่ผมเขาให้ผมเลือกทางเดินชีวิตผมเองมาโดยตลอด เหมือนเขาปล่อยให้เราเป็นคนคิดเองอยากทำอะไรเขาก็ไม่บังคับอะไรแบบนี้ฮะ
MC : ก็สบายทุกอย่างเนาะ ที่เราอยากทำอะไรพ่อแม่เขาก็ซัพพอร์ตใช่ไหมครับทุกอย่าง
MC : เวลาถ่ายเรื่องแรกรู้สึกอย่างไรครับคือเหมือนจินตนาการที่เราเคยคิดมาก่อนไหม หรือว่ารู้สึกว่ากลัวไหม
Perth : ตื่นเต้นด้วยครับ ด้วยผมเป็นคนเก็บตัวอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ค่อย..สังคมไม่ค่อยดี อยู่กับคนกลุ่มน้อย ๆ อะไรแบบนี้ แล้วพอไปกองถ่ายมันต้องมีหลายคนมีทั้งทีมกล้อง เมคอัพ ทีมไฟ อย่างนี้เราต้องเป็นเล่นแสดงต่อหน้าคนเกือบทั้ง 50 คนอย่างนี้ครับ มันก็แอบรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กดดันตัวเองสำหรับเรื่องแรกนะครับ
MC : ที่กองถ่ายเคยรู้สึกว่าอยากถอยหลังไหม อยากจะไม่ทำแล้วน่าจะไม่ใช่อย่างสิ่งที่เราคิด เคยมีความคิดอย่างนี้ไหม
Perth : มีบ้างครับ ถ้าสมัยก่อนคือรู้สึกว่า เราทำแล้วเราฝืนนะสมัยก่อน ทำแล้วรู้สึกว่าอึดอัด แบบว่าด้วยความที่ว่าเรายังตื่นเต้นแล้วยังใหม่อยู่อย่างนี้ครับ ก็มีช่วงหนึ่งคิดว่าไม่อยากทำแล้ว อะไรแบบนี้ฮะ
MC : แต่ว่าตอนนี้รู้สึกว่ายิ่งทำก็ยิ่งราบรื่นแล้วใช่ไหมครับ ก็คือทุกเรื่องหรือทุกผลงานเราเล่นหรือว่าร้องเพลงจะมีความก้าวหน้าทุกเรื่องทุกผลงานด้วยใช่ไหม ก็ทำให้เรายิ่งเหมือนยิ่งมีแรงบันดาลใจแล้วก็มีความกล้าหาญด้วยใช่ไหมครับ
Perth : ครับ
MC : ตอนแรกที่มีชื่อเสียงอายุยังน้อย ที่บ้าน หรือว่าที่รอบตัว มีเพื่อน หรือมีคน มีนักแสดงรุ่นใหญ่อะไรอย่างนี้ เขาเคยคุยกับเราไหมเรื่องนี้มีสอนเรายังไงว่าควรจะวางตัวยังไงในวงการบันเทิง
Perth : จริง ๆ มีหลายคนที่สอนเยอะมากทั้งผู้กำกับ ผู้ช่วย พวกผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน รวมถึงอย่าง พี่ริท เรืองฤทธิ์ พี่ริทเขาก็จะคอยอย่างตอนผมขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกที่อิมแพคฯอะครับ ก็ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากแล้วก็กังวลทำอะไรไม่ถูก เราก็ได้ประสบการณ์ที่เขาสอนเรามาทุก ๆ อย่างที่ริทเขาก็จะคอยบอกอะไรแบบนี้ครับ ว่าต้องทำตัวยังไงไม่ต้องไปตื่นเต้นมันนะ อะไรแบบนี้
MC : จริง ๆ ที่เขาพูดมาครับผมก็บางทีเพราะว่ายังเป็นเด็กก็รู้สึกว่าผู้ใหญ่พูดมาทำไมต้องพูดเยอะขนาดนี้อะไรอย่างนี้ ผมไม่อยากฟังไม่มีช่วงนี้ใช่ไหม หรือว่าก็คือที่เขาพูดมาไม่ว่ายังไงเราก็รับมาพยายามไปแก้อะไรอย่างนี้ไหม
Perth : ไม่มีครับ ส่วนใหญ่ผมเป็นคนไม่ค่อยเถียงนะ อย่างถ้าเขาแนะนำให้เรามาอย่างนี้ ผมจะเป็นคนเก็บมาตลอด เก็บมาใช้บ้างส่วนไหนดึงมาใช้กับเราแล้วเราดูดีขึ้น เราก็จะเก็บมาทุกอย่างแบบนี้ครับ แล้วเราก็มาเลือกสิ่งนั้นที่เขาสอนมาดึงมาใช้กับตัวเราครับ
MC : อืมเป็นเด็กดีเนาะ เด็กสมัยนี้ควรจะเป็นอย่างนี้เนาะ เพราะว่าจริง ๆ เท่าที่ผมเห็นนะ คือเด็กอ่ะช่วงนี้อายุประมาณ 10 กว่าปีอะไรอย่างนี้ เป็นช่วงอายุที่ค่อนข้างจะ..เมื่อกี้เหมือน ๆ ที่น้องเพิร์ธพูดเนาะชอบเถียงกับผู้ใหญ่ไม่ว่าผู้ใหญ่เขาพูดอะไรมาเราก็แบบไม่ยอมฟัง รู้สึกว่ารังเกียจมาก ๆ อะไรอย่างนี้ แต่ว่าอย่างที่พฤติกรรมของน้องเป็นตัวอย่างที่ดีนะครับสำหรับเด็กในสมัยนี้
MC : จริง ๆ ตอนแรกที่ได้มีชื่อเสียงที่ประเทศจีนก็เพราะว่าซีรีส์เรื่องบังเอิญรักนะครับ แล้วก็ตอนนี้จนถึงวันนี้เราไปย้อนคิดเวลาการถ่ายละครเรื่องนี้มีอะไรที่อยากแชร์แบบเป็นความทรงจำที่สนุกหรือความทรงจำพิเศษอะไรบ้างไหมครับที่อยากแชร์กับแฟนคลับ
Perth : เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมได้รับบทเป็นพระเอกของเรื่องอะครับ ซึ่งเป็นเรื่องแรกเลยจะมีความตื่นเต้นอะไรหลาย ๆ อย่าง แล้วก็เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ใหญ่ด้วย ณ ตอนนั้น การอ่านบทหรือกว่าการเตรียมตัวมันก็ค่อนข้างตื่นเต้นแล้วเราก็พูดตรง ๆ เลยก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ฮะ ที่มันประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ก็เพราะว่าแฟนคลับทุกคนด้วยครับ
MC : เวลาไปจัดแฟนมีตที่จีนที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจมากที่สุดคืออะไรครับ
Perth : แต่ละเมืองครับทุกคนจะมายืนรอหน้า Gate สนามบินอะครับ มาต้อนรับผมจำได้เยอะแบบ..เยอะจนมองแบบไม่สุดอะฮะ
MC : แล้วที่สนามบินอะครับ เขาจะเรียกเรายังไง เรียกน้องเพิร์ธ หรือว่าเผ้าฝู paofu หรือหวังจวิ้นหย่ง อะไรอย่างนี้
Perth : เผ้าฝูครับ ที่ได้ยินมา คือได้ยินบ่อยมาก เวลาเดินอยู่เขาก็จะตะโกน เผ้าฝู ๆ
MC : อันนี้เขาเรียกว่าเป็น Nickname ชื่อเล่นเป็นภาษาจีนก็น่ารักเหมือนกันนะครับผม
MC : แล้วก็ก่อนที่ดังแล้วก็หลังจากมีชื่อเสียงมารู้สึกว่าต่างกันยังไงครับ คือชีวิตส่วนตัวของเรา
Perth : ผมไม่ค่อยรู้สึกว่าต่างเท่าไหร่ เพราะผมทำตัวปกติ ผมเป็นคนปกติ แบบเป็นตัวผมเอง ผมไม่ได้เปลี่ยนตัวเอง ผมอยากทำอะไรผมก็ทำ ผมไม่อยากทำอะไรผมก็ไม่ทำ คือเราเป็นตัวเราตลอด มันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือไม่อึดอัดอะไรแบบนี้ครับ
MC : อย่างเช่นภาษาจีนจะมีสุภาษิตความมีชื่อเสียงเหมือนกับเป็นหนี้สองข้าง ก็มีทั้งที่ทำให้เรามีโอกาสเยอะขึ้นแล้วก็มีคนมารู้จักเรามากยิ่งขึ้นทำให้เรามีชื่อเสียงมีเงินทองอะไรอย่างนี้เข้ามา แต่มันก็จะทำให้เรามีปัญหาด้วยนะครับ อย่างเช่น ก่อนหน้านี้เราไปไหนมาไหนตามสบายเลยทุกอย่างเลย แต่ว่าตอนนี้เวลาออกไปก็น่าจะไม่ได้มีอิสระมากขนาดเท่าที่เหมือนคนปกตินะครับผม แล้วหลังจากมีชื่อเสียงรู้สึกว่ามีปัญหาอะไรที่ทำให้เรากดดันเยอะไม่ดีเหมือนคนทั่วไป
Perth : ผมว่าน่าจะช่วงก่อนหน้านั้นผมเที่ยวจนผมอิ่มตัวแล้ว ไปเดินเล่นอยากไปทำอะไรก็ทำ ช่วงก่อนที่เข้าวงการพอมาตรงนี้แล้ว เราเลยไม่รู้สึกว่าขาดอะไร เหมือนเราโตขึ้นด้วยแล้วก็อยู่แต่บ้านจนเราชินแล้วฮะ มันกลายเป็นกิจวัตรเราที่เราทำอะไรแบบนั้นไป
MC : แล้วก็รู้สึกว่ามีความกดดันด้านนี้ไหมครับ เพราะว่าตอนนี้ผมพูดความจริงนะคู่แข่งขันมีเยอะตอนนี้อย่างเช่นปีนี้ก็มีซีรีส์วายเยอะมากที่ออกมามีนักแสดงเยอะ ๆ ที่ทั้งหล่อแล้วทั้งยังเป็นวัยรุ่นอยู่ทั้งอายุยังน้อยออกมาแข่งขันกับเรา แล้วรู้สึกว่ามีอะไรที่แบบรับมือยังไงไหมครับ
Perth : เฉย ๆ ฮะ แต่อาจจะว่าเราต้องพัฒนาฝีมือมากขึ้นอะไรด้วยแบบนี้ครับ
MC : ก็คือทำเท่าที่เราทำได้ใช่ไหมส่วนคนอื่นเราไม่ต้องไปอะไรเยอะ
Perth : ใช่ ๆ เราแค่เป็นนักแสดงที่ต้องพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ใช่ไม่ว่าจะเป็นใครอะไรแบบนี้ครับ
MC : ตอนนี้รู้สึกว่าอยากเล่นบทบาทแนวไหนบ้างมากที่สุดครับ
Perth : จริงๆผมไม่ได้ fix ตายตัวนะว่าผมอยากจะเล่นแบบไหน จริง ๆ ตอนนี้ก็คือยังได้หมดครับดูบทบาทที่เหมาะสมครับ
MC : ช่วงนี้มีเพลงใหม่นะครับผมที่ชื่อเจ็บวนไปนะครับ แล้วก็เป็นเพลงที่รู้สึกว่าถ้าวันหลังให้เรามาแต่งเพลงของตัวเองหรือว่ามีเพลงที่เราเขียนเองเรามีความคิดแบบนี้ไหมหรือว่ามีความพยายามเดินทางในด้านนี้ไหม
Perth : จริง ๆ เนี่ยใจจริงผมอยากเรียนเกี่ยวกับด้านดนตรีฮะ เขาเรียกว่าไงดุริยางคศิลป์ไม่แน่ใจครับ เรียนเกี่ยวกับดนตรีเรียนเกี่ยวกับกีต้าร์ฮะ ก็จริง ๆ ก็อยากจะแต่งแต่ดันมาเรียนสายหนังไปแล้ว
MC : อ่อ..แต่ว่าจริง ๆ ถ้ามีโอกาสก็ทำได้เนาะ
Perth : ใช่ครับ ก็พยายามหาความรู้เพิ่มอยู่ฮะ ครับผม
MC : ส่วนเพลงใหม่สามารถร้องให้เราฟังสักสามสี่ประโยคได้ไหม
Perth : เพลงไหน เจ็บวนไป เหรอฮะ (เพิร์ธร้องเพลงเจ็บวนไปให้ฟัง)
MC : เมื่อกี้บอกว่ายังมีหนังเรื่องหนึ่งใช่ไหมครับที่ตอนนี้ยังรอฉายอยู่แนะนำด้วยนะครับเป็นหนังอะไรแล้วก็เราเล่นอะไรยังไง
Perth : เรื่องนี้ #บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง ที่ผมรับบทเป็น "บ้ง" คาแรกเตอร์ค่อนข้างจะแตกต่างกับเรื่องที่ผ่านมาเรื่อย ๆ เพราะมันคือมุมชีวิตที่ค่อนข้างที่จะดาร์กหน่อยเป็นเหมือนกับในชีวิตจริง ปกติเราเล่นซีรีส์ทั่วไปมันก็จะเป็นแนวใสๆแนวปกติในรั้วมหาวิทยาลัย แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการสะท้อนสังคมจริงๆ เกี่ยวกับการส่งยา มันคือชีวิตเด็กบางคนจริงๆอะไรที่มันเป็นแบบนั้น บทบาทเรื่องนี้จะแตกต่างออกไป ครบรสต้องลองไปดูครับ
Part 2 :
MC : แล้วคือตอนนี้นอกจากการแสดงละครแสดงซีรีส์ก็เป็นนักร้องด้วยแล้วรู้สึกว่าร้องเพลงเป็นอาชีพที่อยากทำไหมครับ
Perth : ร้องเพลงผมไม่ได้เป็นคนร้องมาตั้งแต่แรกครับมาเป็นนักแสดงแล้วเขาต้องให้ร้องเพลงก็เลยเริ่มร้องอะไรแบบนี้ก็เลยร้องมาเรื่อย ๆ แต่ก่อนหน้านั้นคือเป็นคนไม่ได้ร้องเพลงเล่นแต่กีต้าร์อย่างเดียวเลย
MC : คือก่อนหน้านี้อยากเรียนดนตรีเล่นดนตรีอะไรอย่างนี้ก่อนจะมาร้องเพลง แล้วปกติอาบน้ำจะร้องเพลงด้วยไหมครับ
Perth : ไม่ค่อยพี่ ฮ่า ๆ ส่วนใหญ่ร้องตามไม่ค่อยได้ครับ
MC : งั้นก็เวลาน้องเพิร์ธเข้าห้องน้ำก็เงียบเหรอ
Perth : เปิดเพลงฟังแต่ไม่ได้ร้องฮะ
MC : ปกติอยู่ที่บ้านเราชอบทำอะไรครับ
Perth : บางช่วงก็เล่นกีต้าร์ บางช่วงก็ฟังเพลง บางครั้งก็ดูหนังครับ
MC : เป็นคนที่ค่อนข้างชอบอยู่ในห้องใช่ไหมครับ
Perth : อยู่บ้านปกติถ้าไม่ได้ทำงานจะอยู่บ้านเป็นหลักแล้วก็มีไปทะเลบ้าง
MC : อ่อ..มีไปทะเลมีไปพักผ่อนอะไรอย่างนี้แต่ก็ไม่ได้เน้นไปดำน้ำอะไรอย่างนี้ใช่ไหมครับ
Perth : โอ้..ผมไปยืนอยู่ริมทะเลอยู่ครึ่งชั่วโมงแล้วผมก็กลับกรุงเทพ
MC : เหมือนไปสัมผัสลมทะเลอะไรอย่างนี้ใช่ไหมครับไปชมวิวเฉย ๆ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องไปทำอะไร
Perth : คือส่วนตัวผมเป็นคนขี้ร้อนด้วยฮะแล้วอากาศประเทศไทยอะฮะ ก็ยืนพอสักพักให้สบายใจมากขึ้นก็กลับล่ะอะไรแบบนี้ฮะ
MC : อันนี้ก็เป็นวิธีที่ดีเนาะที่ปรับอารมณ์ของเราเองเพราะว่าคนที่มีชื่อเสียงบางทีก็น่าจะเจอเรื่องดราม่านิดหน่อยหรือว่าบางทีก็จะมีความกดดันแล้วเราสามารถปรับตัวเองให้ได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แล้วรู้สึกว่าในชีวิตส่วนตัวนิสัยของเราเป็นยังไงครับ
Perth : มันมีหลายอารมณ์มาก ๆ ฮะ อยู่กับคนนั้นก็เป็นอีกแบบมันอธิบายไม่ถูกฮะ การอยู่คนเดียวมันก็จะเป็นอีกคนหนึ่ง ทุกทุกคนมันจะมีด้านข้างในอยู่ของตัวเองแบบนี้ฮะ เวลาอยู่คนเดียวก็จะเป็นอีกคนหนึ่งอะไรแบบนี้ฮะ
MC : แล้วยิ่งมีชื่อเสียงเรายิ่งมีความรู้สึกว่ากลัวนิดหน่อยไหมครับ
Perth : ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องข่าวหรือว่าอะไรแบบนี้ฮะ ส่วนใหญ่ก็โฟกัสที่งานของเราแบบนี้ฮะงานถ่ายซีรีส์งานทำเพลงของเราเราก็จะโฟกัสอยู่ที่จุด ๆ นี้ฮะ แต่จริง ๆ ดีใจนะฮะคือดีใจที่มีคนชอบเรามีคนรักเราแบบนี้ฮะทุกประเทศ จริง ๆ แล้วผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดไม่รู้สึกอะไรเลยแต่รู้สึกขอบคุณมากกว่าแล้วก็ดีใจครับ
MC : มีอ่านข่าวของตัวเองแล้วอยากด่านักข่าวไหม มีอย่างนี้ไหม ฮ่า ๆ
Perth : มีบ้างฮะสมัยก่อน แต่ก็พอเราโตมากขึ้นเราก็เข้าใจมากขึ้นครับ
MC : แล้วเคยร้องไห้ไหมครับ
Perth : ไม่ค่อยครับต้องเจอเรื่องที่หนัก ๆ จริง ๆ ครับ
MC : ก็คือเราสามารถเคลียร์ในหัวสมองของเราได้หมด
Perth : ส่วนใหญ่ผมเป็นคนคิดแล้วก็เก็บไว้ในใจไม่ได้เป็นคนพูดออกมาครับไม่ได้เป็นคนระบายออกมาครับ
MC : แล้วตั้งแต่เข้าวงการเคยเจอสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าน้อยใจไหมครับ
Perth : ผมเป็นคนไม่ค่อยได้คิดเยอะ ไม่ค่อยได้คิดเยอะอะครับคนอื่นอยากทำอะไรก็ทำไปครับ ไม่ค่อยคิดเยอะเท่าไหร่ผมเป็นคนไม่ค่อยน้อยใจอะไรครับ
MC : ระหว่าง 20 ปีที่ผ่านมาเรามีกระบวนการยังไงครับอย่างเช่นสมัยเด็กเรารู้สึกว่าเราเป็นนิสัยยังไงแล้วเราช่วงอายุ 10 กว่าปีเราเป็นยังไงแล้วตอนนี้ 20 แล้วเราเป็นยังไงสรุปได้ไหมครับ
Perth : เด็ก ๆ ก็เป็นคนมีความสุขครับเป็นเด็กปกติใช้ชีวิตเล่นนะฮะช่วงแบบ 1 ขวบถึง 6-7 ขวบอะไรแบบนี้โตมาก็เป็นเด็กเรียนดีฮะ ช่วงประถมถึง ป.6 ฮะ เป็นคนที่ไม่ได้เรียนแย่ฮะ เกรดไทยก็สามจุดว่าถ้าตีเป็นพวกฝรั่งก็ B+ ที่ได้ฮะ ก็ไม่ได้แย่ แต่พอเข้ามัธยมเราเริ่มเจอกลุ่มเพื่อนล่ะ เพราะตอนแรกผมเลือกสายวิทย์-คณิต สายวิทย์-คณิต ก็ค่อนข้างจะเป็นเด็กที่เรียน ไม่ก็จะไปอยู่แถว ๆ หน้าห้อง ห้อง 1 ห้อง 2 ห้อง 3 แต่ไปเรียนแล้วผมไม่ชอบฮะ มันมีเคมี ฟิสิกส์ อะไรแบบนี้ก็เลยดรอปมาเป็นสายศิลป์ คราวนี้เราไปอยู่ห้องสุดท้ายเลยเพราะเราลงช้าแล้วเราไปเจอกลุ่มเพื่อนใหม่แต่จริง ๆ ไม่อยากโทษเพื่อนฮะมันอยู่ที่ตัวเราด้วย ก็เจอโลกใบใหม่สนุกกว่าเดิมเลยที่นี้มันเลย
MC : แล้วตอนนี้อย่างที่เพิร์ธพูดสถานการณ์ที่อยู่ปัจจุบันนี้ก็ตอนนี้ก็ดีที่สุดแล้วใช่ไหมครับ
Perth : มันโตมากขึ้นมีความคิดมากขึ้นครับ แต่ผมว่าทุกอย่างมันมีข้อดีของมันหมดฮะ มันไม่มีข้อเสียที่สุดฮะ มันมีข้อดีแต่ละอย่างในช่วงแต่ละเวลานั้นถ้าให้ย้อนเวลากลับไปแก้ไขไหมก็ไม่ได้อยากแก้
MC : อายุ 20 แล้วเคยคิดไหมว่าเป้าหมายในชีวิตของเรา อย่างเช่น อีก 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี อะไรแบบนี้คือจะถึงตรงไหนเป็นคนที่เคยตั้งวางแผนอะไรไหม
Perth : จริง ๆ ผมไม่ค่อยได้ตั้งอะไรไว้มากเท่าไหร่ครับส่วนใหญ่เราก็เจอกับงานข้างหน้าของเราแล้วเราก็ทำให้เต็มที่ที่สุด ณ วัน ๆ นั้น ณ ตอนนั้นที่มีงานเข้ามาอะไรแบบนี้ แต่จริง ๆ ถ้ามองเอาไว้ก็อยากเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่มีความสามารถเก่งระดับหนึ่งในวันที่เราอายุ 25 อายุ 30 อะไรแบบนี้ครับ ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยครับว่าจริง ๆ ผมควรไปทางไหนตอนนี้มันอยู่เหมือนกับเราลองหาประสบการณ์แบบทั่ว ๆ ไปก่อนแล้วให้แบบมารู้ตัวเองอะไรแบบนี้ครับผม
MC : แล้วก็เห็นช่วงนี้นะครับผมเป็นช่วงที่เหมือนแบบคนไทยอะโดยเฉพาะวัยรุ่นเขากำลังไปร้องเรียนนะครับผมอยากให้เขาเรียกว่าอะไรอยากให้มีความเท่าเทียมทางการแต่งงานแล้วก็ในฐานะที่เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งนะครับแล้วก็เป็นคนที่เคยเล่นซีรีส์ในแนวนี้บ้างนะครับเรามีอะไรอยากพูดไหมครับ
Perth : จริง ๆ ก็อย่างที่บอกไปมนุษย์ทุกคนเท่ากันหมดครับ เพราะฉะนั้นไม่มีใครที่มีสิทธิ์ที่จะไปชี้ว่าคนนี้ควรคู่กับคนนี้เพศนี้ควรคู่กับเพศนี้ คือมนุษย์ทุกคนมันก็เกิดมามันก็มีมือมีอะไรเท่ากัน มีสมองเท่ากันแบบนี้ ก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจใครอะไรแบบนี้ จริง ๆ การแต่งงานมันก็ควรเท่าเทียมกันได้แล้วด้วยโลกใบใหม่ตอนนี้เราแบบนี้ฮะ มันยุคไหนแล้วอะไรแบบนี้ ก็ไม่อยากให้ยึดติดกับอะไรโบราณ ๆ ครับ
MC : วันนี้ก็ขอบคุณมาก ๆ นะครับผมที่วันนี้น้องเพิร์ธมาร่วมรายการของเราแล้วก็แชร์ประสบการณ์แชร์ความรู้สึกในหัวใจกับแฟนคลับชาวจีนนะครับผม ก็หวังว่าเวลาสถานการณ์คลี่คลายนะครับผมแล้วก็สามารถไปจัดแฟนมีตที่จีนก็ได้หรือว่าให้แฟน ๆ เขาบินมาที่เมืองไทยมาจัดงานที่นี่ก็ได้เนาะที่สามารถไปเจออีกครั้งนะครับกับแฟนคลับชาวจีน แล้วสุดท้ายอยากมีอะไรฝากแฟนคลับชาวจีนไหมครับหรือว่ามีผลงานอะไรที่อยากแนะนำครับ
Perth : ที่นู้นอยากจะบอกว่าคิดถึงทุกคนมากครับ ทุกคนน่ารักกับผมมากนะฮะผมไปดูในเว่ยป๋อหรือว่าจริง ๆ เนี่ยตัวแฟนคลับจีนยังอยู่ที่ประเทศจีนแต่เขาส่งฟู๊ดซัพพอร์ตมาให้ผมในไทยแบบนี้ฮะ ส่งของต่าง ๆ ฝากเขาซื้อกันอุดหนุนเสื้อผ้าผมทุกคนแบบน่ารักผมยังงงอยู่แล้วว่าทำไมทุกคนแบบยังอยู่กับผมนานขนาดนี้จริง ๆ ต้องขอบคุณจริง ๆ ผมอาจจะไม่ใช่พี่แท้ ๆ ของบางคน ผมอาจจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของใคร อาจจะไม่ใช่เพื่อนหรือคนที่รักแบบจริง ๆ แต่ทุกคนเหมือนทำเหมือนผมเป็นคนใกล้ชิดมากอยากจะขอบคุณจริง ๆ ฮะ มันเป็นอะไรที่แบบพิเศษมาก ๆ รักมาก ๆ
MC : โอเคแล้วผลงานไม่ต้องฝากเหรอ ฮ่า ๆ
Perth : มี "บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง" "50% My Puppy Love" ครับ แล้วก็มีซีรีส์ที่กำลังถ่ายอยู่ฮะ แล้วเดี๋ยวก็จะมีโปรเจกต์ต่อมาเรื่อย ๆ ฮะ ยังไม่ค่อยอยากจะสปอยล์เท่าไหร่
MC : คือเราคุยกันครั้งแรกนะครับคือเพราะโควิดเราก็ไม่สามารถเจอกันได้ก็หวังว่าเวลาช่วงโควิดเนี่ยสถานการณ์ดีขึ้นนะครับผมมีเกียรติที่จะเชิญน้องเพิร์ธมาคุยกันอีกนะครับ
Perth : ได้ครับ
MC : โอเควันนี้ก็ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
Perth : ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
Twitter : Moments
(@PpeTrends) January 2, 2022
(@PpeTrends) January 2, 2022
(@PpeTrends) January 2, 2022
#ThailandComingXPerth #PerthTanapon #KDPPE
(@PpeTrends) January 2, 2022
#ThailandComingXPerth#PerthTanapon #KDPPE
(@PpeTrends) January 2, 2022
(@PpeTrends) January 2, 2022
#ThailandComingXPerth#PerthTanapon #KDPPE
(@PpeTrends) January 2, 2022
(@PpeTrends) January 2, 2022
(@PpeTrends) January 2, 2022
PPE pic.twitter.com/hZqWsv1nPg
(@PpeTrends) January 2, 2022
-->
<--